สวัสดีค่ะเพื่อนๆวัยรุ่นทุกค๊นนน วันนี้แม่เขียดมาพร้อมวิธีสูงวัยอย่าง(สมอง)อ่อนเยาว์ค่ะ งงใช่ไหมคะ...มันดูย้อนแย้งยังไงชอบกล 5555 แต่แม่เขียดหมายความตามนั้นจริงๆค่ะ
รายการโทรทัศน์ของบีบีซี ชื่อHow to Stay Young เป็นรายการที่เน้นให้ความรู้เรื่องสุขภาพและความงามสำหรับคนวัยเราๆนี่แหละค่ะ ซึ่งนำทีมโดยคณะแพทย์และนักวิชาการ ที่แสวงหาแนวทางทำให้ร่างกายไม่แก่ตัว
ในตอนล่าสุดนั้น กล่าวถึง “การรักษาสุขภาพของสมอง” ซึ่งสมองจะโตเต็มที่ตอนอายุ 25 ปี แล้วเริ่มหดตัวลงทีละน้อยทีละน้อย จนมาเร่งการหดตัวลงปีละ 0.5-1.0% หลังอายุ 60 ปี แปลว่าสมองของเราจะหดตัวลงไป 15% เมื่ออายุ 75 ปี!!! จากที่โตเต็มที่ตอนอายุ 25 ปี แต่ข่าวดีคือ...งานวิจัยที่ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งติดตามประวัติและพัฒนาการของสมองของประชาชนกลุ่มหนึ่งยาวนานกว่า 60 ปี จากอายุ 11 ปี ถึงอายุ 79 ปี พบว่าการหดตัวของสมองมนุษย์นั้น สรุปว่า 25% เป็นผลมาจากพันธุกรรม แต่อีก 75% เป็นผลมาจากการดำเนินชีวิต (Life Style Choices) ดังนั้นเราจะมีความเสี่ยงสมองเสื่อมในตอนวัยชราหรือไม่ ต้องดูจากการประพฤติตัวและดูแลตัวเองของเราเลยค่ะ
การมีสมองที่สุขภาพดีและแข็งแรงนั้น เกิดควบคู่ไปกับการมีอายุยืน ซึ่งคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะโอกินาวานั้น ถือได้ว่าเป็นคนที่อายุยืนและมีสุขภาพดีที่สุดในโลก (มีคนอายุเกิน 100 ปี 34 คน ต่อประชากร 100,000 คน สูงกว่าคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ 3 เท่า!!!! ในขณะที่คนญี่ปุ่นมีอายุยืนสูงสุดในโลกอยู่แล้ว โอ้มายก็อดดด...แม่เขียดว่าชาวโอกินาว่าเค้าต้องมีของดีแน่ๆ พูดแล้วอยากรู้จังค่ะ) นอกจากเกาะโอกินาวา จะมีคนอายุเกินกว่า 100 ปี มากกว่าที่อื่นๆ แล้ว ยังพบว่าคนโอกินาวา เป็นโรคสมองเสื่อมน้อยกว่าประชากรโลกถึง 50%!!! และมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าประชากรโลกถึง 80% !!! ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ จึงมีความพยายามที่จะศึกษาว่า....ปัจจัยอะไรบ้างนะ ที่ทำให้ชาวโอกินาวามีร่างกายและสมองแข็งแรงและมีอายุยืนยาวเช่นนี้ ??
ในรายการบีบีซีมีข้อสังเกตว่า...คนโอกินาวาบริโภค “มันหวานสีม่วง” เฉลี่ยคนละครึ่งกิโลกรัมต่อวัน โดยมันหวานดังกล่าวมีสาร Anthocyanin ซึ่งเชื่อว่าเป็นยาบำรุงให้สมองแข็งแรง (สารดังกล่าวนั้นมีในผลไม้อื่น ๆ เช่น blackcurrant, blackberries และ blue berries เป็นต้น) นักวิชาการบางคนเชื่อว่าคนโอกินาวาอายุยืน (และสุขภาพดี) เพราะบริโภคแคลอรีเพียง 83% ของการบริโภคแคลอรีของชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ
นอกจากนั้น ก็ยังพบว่า...คนโอกินาวาที่อายุเกิน 100 ปีนั้น จะมีสัดส่วนไขมันในตัวน้อยมาตลอดชีวิต คือเฉลี่ย BMI (Body Mass Index) เพียง 18-22 โดยคนที่ BMI เท่ากับ 23 หรือว่าต่ำกว่านั้น ถือว่าเป็นคนผอม ดังนั้นการดูแลรูปร่างให้ไม่อ้วนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราอายุยืนยาวนะคะ
-------------
นอกจากการสังเกตจากประชากรในทวีปเอเชียแล้ว รายการบีบีซี ยังทำการทดลองในกลุ่มคนในฝั่งยุโรป อันได้แก่ ประเทศอังกฤษด้วย โดยแบ่งคนอังกฤษอายุเกินกว่า 60 ปี เป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่หนึ่ง ให้เดินออกกำลังกาย ครั้งละ 1 ชม. 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 10 สัปดาห์ และกลุ่มที่สอง ให้ออกกำลังกายโดยการเล่นปิงปอง ครั้งละ 1 ชม. 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และวัดประสิทธิภาพของสมองก่อนและหลังการทำกิจกรรมดังกล่าว เพื่อดูว่ากิจกรรมใดจะมีประโยชน์ในการพัฒนาสมองมากกว่ากัน ผลปรากฏว่า...
1.คนที่เดินนั้น สมองพัฒนาดีขึ้นในด้านการแก้ปัญหาและความจำ (problem-solving, memory) มากกว่าคนที่เล่นปิงปองถึง 2 เท่า
2.คนที่เดินนั้น เซลล์ neuron ในส่วนของ hippocampus เพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่เล่นปิงปองมากถึง 3 เท่าตัว ซึ่ง hippocampus นั้น เป็นส่วนของสมองที่ควบคุมความจำและความสามารถในการเรียนรู้ (ability to learn)
3.สำหรับคนที่เล่นปิงปอง ในส่วนของสมองที่เรียกว่า cortex นั้น แน่นหนาเพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่เดิน 11 เท่า โดย cortex นั้น เป็นส่วนของสมองที่ใช้ในการคิดค้นเรื่องที่สลับซับซ้อน (complex thinking) และส่วนที่ทำให้มีความเฉียบแหลมในความคิด (mental sharpness)
4.คนที่เล่นปิงปองมีความรู้สึกเชิงลบ (negative emotions) น้อยกว่าคนที่เดิน แปลว่าการเล่นปิงปองจะช่วยลดความรู้สึกหดหู่ได้ดีกว่า
--------------
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ...การศึกษาสมองของแม่ชี 600 คน ยาวนานถึง 30 ปี และตรวจสอบสมองของแม่ชีกลุ่มดังกล่าว หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว พบว่าการศึกษาในวัยเด็กมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพของสมอง กล่าวคือ แม่ชีที่มีการศึกษาสูงสามารถเขียนบันทึกรายวัน (diary) ที่มีการเรียบเรียงเรื่องราวอย่างละเอียดและมีสำนวนที่สลับซับซ้อน เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดที่ลึกซึ้ง สมองมีสุขภาพดีแข็งแรงจนวันที่ลาจากไป แตกต่างจากแม่ชีที่มีการศึกษาน้อยกว่า ที่จะเขียนบันทึกรายวันสั้นๆ ห้วนๆ และมักประสบปัญหาทางสมองเสื่อมในวัยแก่เฒ่า
ประเด็นสุดท้ายที่เป็นที่จับตามองสุดๆ คือ การค้นพบว่า หนูอายุมากที่ได้รับเลือดจากหนูหนุ่ม สมองพัฒนาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีการทดลองถ่ายเลือดคนหนุ่มให้กับคนแก่ในสหรัฐ เพื่อดูว่าจะช่วยรักษาโรคสมองเสื่อมหรือการแก่ตัวของสมองได้มากน้อยเพียงใด มาร่วมลุ้นกันนะคะว่าสมมิฐานนี้จะเป็นจริงหรือไม่??!! เช้านี้แม่เขียดลาไปก่อน พร้อมหัวข้อให้ขบคิดกันต่อ เพื่อให้สมองเพื่อนๆได้ออกกำลังกันนะคะ พรุ่งนี้แม่เขียดจะนำข้อมูลดีๆอะไรมาแชร์อีก ฝากติดตามด้วยนะคะ
ด้วยรักและห่วงใย
แม่เขียด เพจผู้สูงวัยใช่ไก่กา