แม่เขียดมาแล้วค่า เช้านี้จะทำแกงเลียงผักหวานป่าใส่ปลาย่าง กำลังเตรียมวัตถุดิบอย่างขมีขมันเลยค่ะ ตอนนี้น้องมุกกำลังแกะกุ้งอยู่ แม่เขียดเลยแว่บมาบอกเล่าสรรพคุณของผักหวานป่า ซูเปอร์ฟู้ดสุดยอดผักไทยที่ผู้สูงวัยอย่างเราต้องรีบหามารับประทานกันบ่อยๆเลยนะคะ เพราะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายอย่างหาที่ติไม่ได้ จนแม่เขียดยกย่องให้เป็นสุดยอดผักประจำครัวไปเลยค่ะ
ว่าแต่เจ้าผักหวานป่าจะมีหน้าตาอย่างไร แตกต่างจากผักหวานทั่วไปหรือไม่ มาดูไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
----♥-----♥----
ผักหวานป่า หรือที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Melientha suavisPierre เป็นพืชในวงศ์ Opiliaceae มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง อายุยืน โดยใบมีลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ใบอ่อนมีสีเขียวปนเหลือง รูปร่างแคบรี ปลายใบแหลม ใบแก่เต็มที่มีลักษณะคล้ายรูปไข่และสีเขียวเข้ม ช่อดอกของผักหวานป่าคล้ายกับช่อดอกมะม่วงหรือลำไย ผลของต้นเป็นผลเดี่ยวและติดกันเป็นพวงเหมือนมะไฟ เมื่อผลแก่เต็มที่จะมีสีเหลืองอมส้ม ทั้งนี้ ส่วนของต้นที่คนมักนิยมนำมารับประทานได้แก่ ส่วนของยอด ใบอ่อนและช่อผลอ่อน ๆ ส่วนผลที่แก่เต็มที่นั้นก็สามารถนำเมล็ดมารับประทานได้เหมือนเมล็ดขนุน
ผักหวานป่า เป็นผักที่สามารถเก็บได้เฉพาะฤดูเท่านั้น โดยจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ก็อาจจะมีประปรายบ้างในช่วงนอกฤดู แต่จะมีราคาสูง เหตุผลที่ทำให้ผักชนิดนี้กลายเป็นที่นิยมก็เพราะผักหวานป่ามีคุณค่าทางอาหารสูง ช่วยบำรุงร่างกาย และยังมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง แก้ท้องผูก ชะลอความแก่ชรา และที่สำคัญคือมีรสชาติอร่อยมากๆเลยค่ะ
----♥----♥----
โดยผักหวานป่า 100 กรัมมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
พลังงาน 39 กิโลแคลอรี
น้ำ 87.1 กรัม
ไฟเบอร์ 2.1 กรัม
ไขมัน 0.6 กรัม
โปรตีน 0.1 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 8.3 กรัม
แคลเซียม 24 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 68 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1.3 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 8,500 ยูนิต
วิตามินบี 1 0.12 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 1.65 มิลลิกรัม
วิตามินซี 168 มิลลิกรัม
ไนอะซิน 3.6 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน 516.33 กรัม
----♥----♥----
ด้านสรรพคุณทางยา ผักหวานป่าถูกนำมาใช้เป็นยาแพทย์แผนไทยกันมาช้านาน โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำรากและใบมาใช้รักษาโรค อาทิ รักษาแผล บรรเทาอาการปวดในข้อ แก้ปวดหัว แก้ปวดท้อง ฤทธิ์เย็นที่มีในรากของผักหวานป่า ก็สามารถนำมาถอนพิษ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้พิษไข้ และบรรเทาอาการน้ำดีพิการได้ ส่วนยางของต้นก็นิยมนำมาใช้เป็นยากวาดคอเด็ก และแก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว
ส่วนในเรื่องการบำรุงร่างกาย ผักหวานป่าก็มีดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เริ่มกันที่แคลเซียมและฟอสฟอรัสในผักหวานป่าสามารถช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ทำให้กระดูกไม่เปราะหักง่าย ส่งผลให้การยืดหดของกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งวิตามินซีก็สูง ป้องกันสารอนุมูลอิสระมาทำลายเซลล์ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด และช่วยไม่ให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัย
ขณะที่เบต้าแคโรทีนที่มีมากในผักหวานป่าก็ยังดีต่อสายตา ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงตาบอดกลางคืน พ่วงด้วยวิตามินบี 2 ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ปิดท้ายด้วยไฟเบอร์ที่มีในปริมาณค่อนข้างสูง ทำให้ผักหวานป่ามีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ยิ่งใครที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ หากรับประทานผักหวานเป็นประจำ จะทำให้ขับถ่ายคล่องขึ้น
ว่าแต่เพื่อนๆสงสัยกันใช่ไหมคะว่าผักหวานป่า กับ ผักหวานบ้าน แตกต่างกันอย่างไร
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นผักหวานเหมือนกัน แต่ทั้งผักหวานป่าและผักหวานบ้านก็มีความแตกต่างที่แยกกันได้อย่างชัดเจน ทั้งลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ที่ผักหวานป่าจะเป็นพืชยืนต้นขนาดกลาง ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยวเป็นรูปไข่หรือรูปรี สีของใบเขียวเข้ม ผลกลมรี ส่วนผักหวานบ้านเป็นพุ่มไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีใบเรียวแหลม ด้านบนของใบจะเป็นสีเขียวส่วนด้านล่างจะเป็นสีเขียวอ่อน และผลของผักหวานบ้านจะกลมกว่า
นอกจากนี้ฤดูเก็บเกี่ยวของผักหวานทั้ง 2 ชนิดก็ยังแตกต่างกันอีกด้วย โดยผักหวานบ้านสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปีไม่เหมือนกับผักหวานป่าที่เก็บได้แค่ช่วยปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูฝนเท่านั้น ทั้งนี้ ผักหวานป่ายังเป็นผักที่มีราคาแพงและหาทานได้ยากกว่า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ ต้องขอบอกว่าผักทั้ง 2 ชนิดนี้แทบจะไม่แตกต่างกัน เพราะต่างก็มีวิตามินซี เบต้า-แคโรทีน แคลเซียม โปรตีน และฟอสฟอรัสสูงเหมือนกัน ขณะที่สามารถนำมาปรุงอาหารได้เหมือน ๆ กันค่ะ
----♥----♥----
ผักหวานป่าสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเช่นเดียวกับผักอีกหลาย ๆ ชนิด และถ้าใครอยากจะได้น้ำแกงร้อน ๆ รสเด็ดที่อุดมไปด้วยคุณค่าจากผักหวานป่าละก็ แม่เขียดขอนำเสนอ 2 เมนูนี้เลย รับรองว่าแซ่บถูกใจแน่นอน!!
1. แกงผักหวานป่าปลากรอบ มาทำกินกันค่ะ
2. แกงเลียงผักหวานป่าใส่ปลาย่าง เมนูอร่อยจากพืชอมตะ
แต่ถึงแม้จะมีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ก็ควรระมัดระวังในการนำมารับประทาน เพราะมีพืชอีกชนิดหนึ่งที่มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผักหวานป่า นั่นก็คือผักหวานเมา เป็นผักที่อยู่ในวงศ์เดียวกัน แต่หากรับประทานเข้าไปแล้วอาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นก่อนนำมารับประทานควรสังเกตให้ดีก่อนเป็นผักหวานป่าจริงหรือไม่ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ผักหวานป่าจะมีใบกรอบเปราะ ขยำแล้วจะได้ยินเสียงกรอบแกรบ แต่ผักหวานเมาจะมีใบเหนียวนุ่มไม่หักง่าย ที่สำคัญยังควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักหวานป่าแบบสด ๆ ด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการเบื่อเมา อาเจียน และเป็นไข้
----♥----♥----
ประโยชน์อันทรงคุณค่าของผักหวานป่านั้นดีกับสุขภาพไม่แพ้กับซูเปอร์ฟู้ดชนิดอื่นเลย แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความพอดีนะคะ ไม่ใช่แค่กินอาหารดีมีประโยชน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะต้องมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย
ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไปด้วยละก็ สุขภาพดีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะค่ะ รู้สึกว่าน้องมุกจะแกะกุ้งเสร็จแล้ว เดี๋ยวแม่เขียดขอรีบไปทำแกงเลียงต่อก่อนนะคะ คุณสามีบอกว่าหิวไส้กิ่วรอแล้ว อิอิอิ