ถูกและดี มีที่ปลานิล

อรุณสวัสดิ์ค่ะเพื่อนๆผู้สูงวัยใช่ไก่กาทุกท่าน พบเจอกับแม่เขียดเป็นประจำทุกเช้าตรู่ที่อากาศแสนสดใสเหมือนเช่นเคยนะคะ 

วันนี้แม่เขียดขอนำเสนอสาระน่ารู้เกี่ยวกับปลานิลที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี แต่อาจจะยังรู้จักไม่ดีพอ เหมือนกับแม่เขียดสมัยก่อน ที่พยายามเสาะแสวงหาสารพัดปลาทะเลแพงๆจากต่างประเทศมารับประทานจนลืมปลาน้ำจืดในท้องตลาดของบ้านเราที่ทั้งถูกและแสนดีอย่างปลานิลน้อยกลอใจ ที่คุณหมอประจำตัวแม่เขียดแนะนำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามันดีที่สุดแล้ว ขนาดคุณหมอและครอบครัวยังซื้อมารับประทานแทบทุกวัน ได้ยินแบบนี้ แม่เขียดผู้รักสุขภาพถึงขั้นหูผึ่ง รีบบึ่งไปตลาดจัดปลานิลมาเป็นอาหารให้ตัวเองและครอบครัวทานแบบไม่ชายตาแลปลาอื่นๆที่นอนทำตาปริบๆบนแผงขายในตลาดเลยล่ะค่ะ

แถมแม่เขียดผู้ใฝ่รู้ยังไปเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับปลานิลแบบจัดเต็มมาบอกต่อเพื่อเป็นความรู้และประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนอีกด้วยนะคะ 

เอาล่ะเราไปทำความรู้จักพร้อมๆกันเลยค่ะ !!

----♥----♥----

สืบเนื่องมาจากการที่แม่เขียดได้พบข้อมูลเกี่ยวกับการบริโภคปลาของคนอเมริกันพบว่า มีการบริโภคปลานิลหรือที่ชื่อฝรั่งเรียกกันว่า Tilapia ติดอันดับต้นๆพอๆกับปลาแซลมอลและปลาเทร้าท์ ฯลฯ โดยฟาร์มปลาทิลาเปียหรือปลานิลนี้ผลิตได้ถึงปีละ ๑,๕๐๐,๐๐๐ ตันซึ่งคิดเป็นเงินถึง ๑.๘ พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ข้อมูลนี้เป็นที่แปลกใจของแม่เขียดมาก เพราะคิดว่าคนอเมริกันนั้นคงไม่นิยมบริโภคปลาน้ำจืด แต่เจ้าทิลาเปียนี้เป็นปลาน้ำจืดซึ่งฝรั่งเรียกว่า Fresh Water

Tilapia นั้นเป็นชื่อสามัญของพันธุ์ปลา แต่ปลาชนิดนี้มีสายพันธุ์รวมทั้งลูกผสมต่างๆออกไปอีกมากมายหลายร้อยสายพันธุ์ ซึ่งพันธุ์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีที่สุด ก็คือ Nile Tilapia ซึ่งมีสายพันธุ์ดั้งเดิมมาจากลุ่มแม่น้ำไนล์ในประเทศอียิปต์ที่เราคนไทยรู้จักกันดีในนาม “ปลานิล” นั่นเองค่ะ

ปลานิลนั้นมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นปลาที่แพร่พันธุ์เร็ว อดทนมากและตายยาก กินแต่พืชน้ำเป็นอาหาร มีเนื้อเยอะรสชาติอร่อย นุ่มลิ้น สามารถดัดแปลงมาทำเป็นอาหารได้หลากหลายชนิด 

----♥----♥----

พูดถึงเรื่องของปลานิล มีเกร็ดน่ารู้ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราท่านไม่โปรดเสวยปลานิล 

“ทุกครั้งที่มีผู้นำปลานิลไปตั้งเครื่องเสวย จะโบกพระหัตถ์ให้ย้ายไปไว้ที่อื่น โดยไม่รับสั่งอะไรเลย
จนวันหนึ่งมีผู้กล้าหาญชาญชัยกราบบังคมทูลถามว่า เพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่โปรดเสวยปลานิล พระองค์ก็ทรงรับสั่งว่า
“ก็เลี้ยงมันมาเหมือนลูก แล้วจะกินมันลงได้อย่างไร”

เมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๔ พระจักรพรรดิอากิฮิโตแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยังทรงฐานันดรศักดิ์เป็นมกุฎราชกุมารในขณะนั้น ได้ส่งปลานิลทางเครื่องบินจำนวน ๑๐๐ ตัวมาทูลเกล้าฯ ถวายให้กับในหลวง ปรากฏว่าเมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทย ปลาตายเกือบหมด เหลือรอดแบบใกล้ตายเพียงแค่ ๑๐ ตัว 

ในหลวงทรงเป็นห่วงเป็นใยปลานิลเหล่านั้นมาก จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้นำไปไว้ในพระที่นั่ง และทรงเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม ให้อาหารด้วยพระองค์เอง จนทั้ง ๑๐ ตัวรอดชีวิต แล้วปลานิลทั้ง ๑๐ ตัว ก็ได้สนองพระเดชพระคุณแพร่พันธุ์ไปอีกมากมายตามพระราชประสงค์เป็นอาหารให้คนไทย ๗๐ ล้านคนเป็นอย่างดีมาจนถึงทุกวันนี้

“ปลานิล” จึงเป็นชื่อพระราชทาน นำมาจากชื่อ “Nile Tilapia” ตั้งแต่บัดนั้น และด้วยพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นการณ์ไกลว่า ปลานิลเลี้ยงง่ายโตเร็ว ขยายพันธุ์ได้ไว ถึงแม้บางประเทศถือเป็นสัตว์น้ำต้องห้าม ห้ามนำไปปล่อยในแหล่งน้ำตามธรรมชาติเพราะมันจะแย่งอาหารและเติบโตเร็วจนห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติขาดสมดุลย์ แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นว่า คนไทยมีอาหารโปรตีนบริโภคไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทรงพระราชทานปลานิลนี้มาเป็นอาหารประจำบ้านของปวงชนชาวไทย 

นอกจากนี้ปลานิลยังกินแต่พืชน้ำพวกสาหร่ายและจอกแหน จึงเป็นการถ่วงดุลย์ทางระบบนิเวศน์ที่ชาญฉลาดเหมาะสมกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

----♥----♥----

แม่เขียดเล่าประวัติปลานิลมาซะยาวเหยียด อย่าพึ่งง่วงกันนะคะ เพราะต่อจากนี้เป็นคุณประโยชน์และสรรพคุณทางสารอาหารที่เราไม่สามารถปฎิเสธการรับประทานมันได้ด้วยประการทั้งปวงค่ะ !! 

ปลานิลเป็นปลาที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากคือมีโปรตีนมากถึง ๕.๖๙ กรัมต่อน้ำหนักหนึ่งออนซ์ แถมยังมีโอเมกา ๓ (Omega 3 fatty Acid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะช่วยลดคลอเรสโตรอลในเลือดได้ นอกจากนี้ปลานิลยังมีค่าการสะสมของสารปรอทต่ำมาก เนื่องจากเป็นปลาที่มีอายุขัยสั้น คือยังไม่ทันสะสมสารปรอทก็โตจนกินได้แล้ว แถมยังเป็นปลาที่กินแต่พืชจึงไม่มีความเสี่ยงต่อสารปรอทอันตราย อีกทั้งยังเป็นปลาที่มี Saturated Fat คือไขมันอิ่มตัวต่ำ และมีแคลลอรี่น้อยมาก กินแล้วไม่อ้วน ไม่มีคาร์โบรไฮเดรทและโซเดียมซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แถมยังเป็นแหล่งของสารอาหารเช่น ฟอสฟอรัส,ไนเอซิน,เซอเลอเนียม,วิตามินบี ๑๒ และโปรแตสเซียมมากมายแบบครบถ้วนอีกด้วย

----♥----♥----

เห็นไหมคะว่าปลาที่หาทานได้ง่ายในบ้านเราก็มีปริมาณโอเมก้า 3 และคุณค่าทางสารอาหารไม่แพ้ปลาทะเลแพงๆหลายชนิดเลยทีเดียว ดีไม่ดีอาจจะมีประโยชน์มากกว่าปลาทะเลจากต่างแดนเสียอีก ของถูกและดีอยู่ใกล้ๆ เราแค่นี้ ไม่ต้องขนส่งมาจากแดนไกลให้เสี่ยงต่อสารเคมีที่ใช้ในการเก็บถนอมอาหาร และยังไม่พบอาการแพ้ เหมือนที่พบจากปลาทะเลในประเทศอื่นๆอีกด้วย 

แถมปลานิลยังสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งนึ่ง,ต้ม,ทอด,ย่าง ทานคู่กับผักพื้นบ้านของไทย ทั้งอร่อยและได้สุขภาพที่ดี เงินทองก็ไม่รั่วไหลออกไปนอกประเทศอีกด้วย ดังนั้นอาหารมื้อต่อไปอย่าลืมเทใจให้ปลานิลน้อยกลอยใจเป็นเมนูสุดแจ่มของทุกคนในครอบครัวแบบแม่เขียดกันนะคะ ว่าแล้วแม่เขียดขอตัวไปทำน้ำจิ้มแซ่บๆรอปลานิลนึ่งก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าน้า ง่ำๆๆๆ น้ำลายสอรอแล้ววว