แม่เขียดมาแล้วจ้า พบกันที่เก่าเวลาเดิมทุกวัน ยังไม่เบื่อกันใช่ไหมเอ่ย วันนี้แม่เขียดมีเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วค่ะ ตั้งใจฟังกันให้ดี แล้วปฎิบัติตามไปด้วยกันนะคะ พูดถึงเรื่องการมีอายุยืนยาว เป็นยอดปรารถนาของทุกคนแน่นอนค่ะ แต่แค่อายุยืนอย่างเดียวไม่พอ ต้องยืนยาวอย่างมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย !!
ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นหลายคนก็มีชื่อติดอันดับคนที่อายุยืนที่สุดในโลกอยู่ในกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด โดยเฉลี่ยแล้วอายุอยู่ในช่วง 110 ปีขึ้นไป พอเห็นตัวเลขนี้แล้วก็น่าฉุกคิดทีเดียวว่าคนเราสามารถมีอายุยืนนานถึงร้อยกว่าปีได้เชียวหรือ ?!
และอีกไม่นานข่าวคราวของผู้สูงวัยอายุร้อยปีเป่าเค้กวันเกิดตัวเองคงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแล้ว เพราะทางเว็บไซต์ Businessinsider.com นำเคล็ดลับอายุยืนยาวของชาวญี่ปุ่นมาเปิดเผยให้เรารู้หมดแล้วว่า ความจริงแล้วพวกเขาใช้ชีวิตด้วยกฏเหล็กอยู่เพียง 3 ข้อเท่านั้นคือ กินดี อยู่ดี มีความสุข ซึ่งฟังดูแล้วก็คล้ายคลึงกับค่านิยมการใช้ชีวิตของคนไทยอยู่บ้าง แต่ว่าทำไมสถิติคนสูงอายุร้อยปีในบ้านเรากลับน้อยกว่าประเทศญี่ปุ่นเขาล่ะเนี่ย จะมัวรอช้าอยู่ไย ลองอ่านไปพร้อมกับแม่เขียดดูเลยจ้า
----♥----♥----
จากสถิติคนอายุยืนที่สุดในโลกที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นนั้นเป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะองค์การอนามัยโลกเคยเปรียบเทียบความแข็งแรงของคนจากซีกโลกตะวันตก และซีกโลกตะวันออกเอาไว้ พบว่าผู้สูงอายุชาวตะวันตกแข็งแรงสู้ผู้สูงอายุชาวตะวันออกไม่ได้ เห็นได้จากค่าเฉลี่ยของผู้สูงอายุในวัยเดียวกันระหว่าง 2 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา กับญี่ปุ่นที่แสดงว่าผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นวัย 87 ปีมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าผู้สูงอายุชาวอเมริกันที่มีอายุ 75 ปีเสียอีก ซึ่งผู้สูงอายุชาวอเมริกันในวัยนี้เริ่มป่วยด้วยโรคประจำตัวกันมากมายแล้ว ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นในวัยเท่ากันแทบจะไม่มีผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงเลย
ยกตัวอย่างผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด คนล่าสุด คือ Misao Okawa วัย 116 ปี ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อถึงเคล็ดลับอยู่อย่างไรให้มีอายุยืนข้ามศตวรรษ เธอเผยว่า เคล็ดลับอายุยืนก็คือการใช้ชีวิตทุกด้านให้สมดุล โดยที่เมื่อถึงเวลานอนก็ต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ถึงเวลากินก็ต้องกินให้ครบ 3 มื้อใหญ่ และต้องรู้จักปล่อยวางเรื่องราวต่าง ๆ เสียบ้าง อย่าไปจริงจังกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ต้องเลือกกินแต่ของดีมีประโยชน์ เพราะอาหารคือสิ่งที่ช่วยบำรุงร่างกาย ซึ่งทุกวันนี้เมนูโปรดของเธอก็ยังเป็นข้าวปั้นซูชิเหมือนเดิม เพราะเชื่อว่าเมนูนี้มีคุณค่าครบทั้งห้าหมู่แล้ว
เมื่อลองพิจารณาถึงวิถีการดำเนินชีวิตของประชากรทั้ง 2 ประเทศจะพบว่ามีความต่างกันมาก โดยเฉพาะในเรื่องวัฒนธรรมการบริโภคอาหาร ซึ่งประเทศญี่ปุ่นจะเน้นกินอาหารปรุงสดใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น สาหร่าย เต้าหู้ และปลาทะเล เมนูมีคุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่ทุกมื้อ และมีการแบ่งสัดส่วนอาหารให้เท่ากันๆ ตามจำนวนสมาชิกในบ้านด้วยการจัดเป็นชุดที่ประกอบไปด้วย ข้าว กับข้าว และเครื่องเคียงประเภทซุปสาหร่าย ที่ดูแล้วไม่น่าให้พลังงานต่อร่างกายเท่าไรนัก มิหนำซ้ำยังเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารจากการกินอาหารที่ยังสดอยู่อีกด้วย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าพวกเขาไม่เคยมีอาการป่วยจากการกินอาหารที่ปรุงสดๆเลย นั่นก็เป็นเพราะว่าในอาหารสด เช่น ปลาดิบ ผัดสด เต้าหู้ และสาหร่าย นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารประเภทโปรตีน แร่ธาตุ วิตามิน ที่ช่วยบำรุงให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรค มากกว่าอาหารประเภทไขมันสูง ซึ่งหากลองมาเปรียบเทียบประโยชน์จากมื้ออาหารตะวันตกแล้วจะพบว่า ครอบครัวชาวอเมริกันมักจะกินอาหารจากการผ่านกระบวนการแปรรูปมาแล้วทั้งนั้น เช่น ไส้กรอก แฮม เป็นต้น
ทีนี้ลองมาดูชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นกันดูบ้างว่าในแต่ละวันพวกเขามีกิจกรรมอะไรบ้าง แน่นอนว่าหลายคนจะต้องประหลาดใจทีเดียวที่พวกเขามักจะหาอะไรทำแทนการนอนติดเตียงทั้งวัน เช่น เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ ตกปลา ปลูกต้นไม้ วาดภาพ เลี้ยงหลาน และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือพวกเขายังคงใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผนอยู่เสมอแม้จะเข้าสู่วัยชราแล้ว เห็นได้จากการที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนงานอดิเรกธรรมดาให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงได้ เช่น การทำสถิติประจำวันในการวิ่งขึ้นเขา เป็นต้น ซึ่งการใช้ชีวิตแบบนี้น่าจะเป็นเพราะความเคยชินจากการใช้ชีวิตในช่วงวัยทำงานที่ต้องปฏิบัติตัวตามกฏระเบียบของบริษัทอย่างเคร่งครัดนั่นเอง
และอีกเคล็ดลับสุดท้ายที่ส่งผลให้ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นอายุยืนมากที่สุดในโลก ก็คือ "ความสุข" ซึ่งจากธรรมเนียมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นนั้นจะให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุอย่างมาก เพราะลูกหลานส่วนใหญ่เห็นว่าผู้สูงอายุช่วยอบรมสั่งสอนจนได้ดีจึงต้องดูแลเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เราจึงมักไม่ค่อยเห็นผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นมีบั้นปลายชีวิตที่ไม่มีความสุข นอกจากนี้ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีลูกสะใภ้เป็นผู้ดูแล และมีลูกหลานคอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่ใกล้ ๆ เมื่อมีคนพูดคุยด้วยทั้งวันผู้สูงอายุย่อมมีสุขภาพจิตดีตามไปด้วย
----♥----♥----
จากเคล็ดไม่ลับทั้งหมด 3 ข้อที่กล่าวมานี้ หลายคนอาจกำลังคิดว่าดูเหมือนผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นจะหลงลืมเรื่องการออกกำลังกายไปซะแล้วแต่ความจริงคือพวกเขาได้บริหารร่างกายไปกับกิจวัตรประจำวันแล้ว เช่น ลงมือทำงานอดิเรกที่ชอบ การเดินไปทำธุระในที่ใกล้ ๆ รวมถึงการเล่นเกมส์ฝึกสมองอยู่ที่บ้าน เห็นแบบนี้แล้วก็บอกได้เลยว่าสำหรับผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นแล้วอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ ค่ะ เรามาลองใช้ชีวิตแบบสมดุลไปทุกด้านเหมือนคนญี่ปุ่นเพื่ออายุที่ยืนยาวอย่างแข็งแรงและมีคุณภาพไปด้วยกันนะคะ